top of page

รวบตึง เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ หุ้นส่วนคนใหม่ที่จะมาเป็นอัศวินผู้กอบกู้ผีแดงสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

Updated: Jan 9



นับว่าเป็นของขวัญวันคริสมาสต์สำหรับสาวกปีศาจแดงทั่วโลก เมื่อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการบรรลุข้อตกลงกับ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เจ้าของกลุ่มทุน INEOS ที่เข้ามาถือหุ้นสโมสรจำนวน 25%  ด้วยเงินราวๆ 1,300 ล้านปอนด์ แลกมากับสิทธิในการบริหารทีมฟุตบอลทั้งหมด เซอร์ จิม เป็นใคร รวยจริงมั้ย จะเป็นพระผู้ช่วยที่แท้ทรู หรือจะเป็นปลิงในคราบพ่อพระอีก มาครับ นักสา จารย์แย้จะเหลาให้ฟัง




เรามาเริ่มทำความรู้จักกับกลุ่ม INEOS (อินีออส) ของเซอร์จิม กันก่อนว่าไปไงมาไง ทำอะไรถึงรวยถึงขนาดรู้ว่าปลิงเกลเซอร์มันโขก แต่ก็ยังเต็มใจให้โขก ขนหน้าแข้งล่วงไปเบาๆ 1,300 ล้านปอนด์ INEOS เป็นธุรกิจปิโตรเคมี โดยบริษัท INEOS นั้นเป็นบริษัทข้ามชาติใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ประกอบด้วยธุรกิจมากถึง 36 บริษัท โรงงาน 194 แห่ง ใน 29 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม (รวมปิโตรเคมีที่เป็นอุตสหกรรมหลัก) ธุรกิจสินค้าในชีวิตประจำวัน และแน่นอนว่าอันสุดท้ายคือ ธุรกิจกีฬา



ธุรกิจกีฬาของ INEOS นั้น ต้องถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว เพราะมีการเข้าไปถือหุ้นในทีมกีฬาในหลากหลายประเภท ที่เด็ดกว่านั้นคือ เข้าไปแล้วมักจะทำให้ทีมดีขึ้นซะด้วยนี่ซี้ เด็กผีอ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะพอใจชื้นขึ้นมาได้หน่อยนึงละนะ ทีมแรกที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดของ INEOS ก็คือ ทีมรถสูตร 1 (F1) Mercedes-AMG Petronas Team ทีมรถฟอร์มูล่า วัน ที่มีนักแข่งมือหนึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านเซอร์ จิม คือเซอร์ ลูอิส แฮมมิลตัน นั่นเอง โดย INEOS เข้าไปเป็นพันธมิตรกับทาง Mercedes ตั้งแต่ปี 2020 โดยนอกจากจะให้เงินทุนในการพัฒนาตัวรถและเครื่องยนต์แล้ว INEOS ยังเข้าไปมีส่วนร่วมในการวิจัยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ใช้ในการแข่งขันอีกด้วย 



ทีมจักรยาน INEOS Grenadiers (ชื่อเดิมคือ Team Sky) โดยหลังจากการเทคโอเวอร์ ในปี 2019 INEOS ก็ได้ลงทุนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา พร้อมเพิ่มค่าเหนื่อยให้นักกีฬาแบบจุกๆ โดย 5 จาก 10 นักปั่นที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก ล้วนเคยสังกัดในทีมนี้ทั้งนั้น ผลงานของทีมก็เรียกว่าสุดจริงๆ จากปี 2019 เป็นต้นมา คว้าชัยชนะมาได้ทั้งหมด 39 รายกาย รวมถึงการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ไปถึง 3 เหรียญด้วยกัน ปัจจุบันตัวเทพของทีมอย่าง ฟิลิโป้ จานน่า ก็กวาดแชมป์ไปแล้วถึง 13 รายการด้วยกัน เรียกว่าขอให้ถูกใจท่านเซอร์เถอะ พร้อมเปย์ (เพลง ฟ้ารักพ่อ นี่ ดังขึ้นมาในหัวจารย์เลยครับ)



ทีมเรือใบ INEOS Britania อันนี้ท่านเซอร์ แกจัดมาไว้อยู่ในพอร์ทตั้งแต่ปี 2018 โดยสิ่งที่จับต้องได้อาจจะไม่ใช่ผลงานของทีม แต่วิทยาการเกี่ยวกับวิศวกรรมทางทะเลและยานยนต์สมรรถนะสูง ที่ปรับใช้ร่วมกันกับพันธมิตรอย่าง Mercedes-AMG Petronas F1 ก็มีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ผ่านสำนักงานใหญ่สุดล้ำของทีมที่เมืองปอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ



2 ทีมฟุตบอล ที่เป็นจุดเริ่มต้นในธุรกิจลูกหนังของ INEOS ได้แก่ FC Lausanne ในลีกสวิตเซอร์แลนด์ อันนี้ ถือว่าไม่ไหวอย่างแรง เข้าเทคโอเวอร์ ตั้งแต่ฤดูกาล 2017-2018 ก็ตกชั้นรับเจ้าของใหม่เลย ปัจจุบันก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ชักเข้าชักออกอยู่ในลีกของสวิตเซอร์แลนด์ อีกทีมหนึ่งคือทีม FC Abidjan สโมสรฟุตบอลในประเทศไอเวอรี่โคสต์ ได้ถูกเซอร์จิม เทคโอเวอร์เข้ามาในพอร์ทโฟลิโอ้ เมื่อปี 2018 และได้แชมป์ในฤดูกาล 2019-2020 (เอิ่ม จารย์หาข้อมูลของทีมนี้ได้เท่านี้จริมๆ ขอประทานโทษนักสาด้วย)





แต่ทีมฟุตบอลอีกทีมที่พอจะเป็นผลงานแบบมีรูปธรรมจับต้องได้ ก็คือทีม OGC Nice (Olympic Gymnaste Club de Nice) จากลีกเอิง ฝรั่งเศส ซึ่งทาง INEOS ของ เซอร์จิม ไปจัดมาเมื่อปี 2019  ด้วยเศษเงิน (ถ้าเทียบกับดีลของ แมนยู) 100 ล้านยูโร โดยฤดูกาลแรกที่เข้ามาจัดการ ก็จบที่อันดับ 5 ไปเล่นในถ้วยยูโรป้าลีก แต่พอปีถัดมา ฤดูกาล 2020-2021 อันนี้ แย่หนักถึงขึ้นปลดโค้ชอย่าง ปาทริค วิเอร่าออก ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยซ้ำ โดยตกรอบยูโรป้าลีกอย่างไปเป็นท่า รวมถึงทำได้เพียงแค่ อันดับ 9 ในตารางลีกเอิงเท่านั้น ฤดูกาล 2021-2022 ภายใต้การนำทีมของกุนซือ คริสตอฟ กัสติเยร์ จบด้วยอันดับ 5 คว้าตั่วไปยูโรป้าลีก รวมถึงการเป็นรองแชมป์ คูป เดอ ฟรองซ์ (บอลถ้วยของฝรั่งเศส) ก่อนที่ฤดูกาล 2022-2023 จะวนลูปห่วยอีกครั้ง ตกรอบบอลถ้วยทั้งหมด และคว้ามาได้เพียงอันดับที่ 9 ของลีกเอิง เท่านั้น ปัจจุบัน 2032-2024 ภายใต้กุนซือหนุ่มไฟแรง ฟรานเชสโก้ ฟาริโอลี่ ก็ถือว่าน่าจับตามอง เพราะตอนนี้ นีซ อยู่ในตำแหน่งรองจ่าฝูงของลีกเอิง หลังจากผ่านไปครึ่งฤดูกาล 17 นัด ตามหลัง เปเอสเช จ่าฝูงเพียง 5 แต้ม ก็ถือว่าเป็นยังมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์



แม้อาจจะยังพูดเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่า การเข้ามาของ INEOS และ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ จะเป็นการการันตีถึงความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่อย่างน้อย ก็ได้จุดประกายความหวังของเหล่าสาวกแห่งปีศาจแดงทั้งปวง ให้พอได้สัมผัสถึงสายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังพัดมายังโรงละครแห่งความฝันอีกครั้ง โดยเริ่มจากเม็ดเงินจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะนำไปลงทุนกับ Facilities หรือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึก การบริหาร และสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ครั้งหนึ่ง เด็กผีต้องปวดใจจากคอมเม้นต์ของตำนานอย่างพี่โด้ CR7 ว่า มันทรุดโทรมและไม่ได้แตกต่างจากวันที่เค้าได้ออกจากสโมสรไปเลย



รายละเอียดของการเข้าซื้อหุ้นของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ในครั้งนี้คือ 1,300 ล้านแลกหุ้น 25% พร้อมสิทธิ์ในการบริหารธุรกิจฟุตบอลทั้งหมด ทั้งหมดหมายถึง ทีมชาย ทีมหญิง และอะเคดิมี่ของสโมสร โดยถ้าให้จารย์วิเคราะห์ วิแคะ ออกมาให้นักสา ของ UTHAI เข้าใจง่ายๆ งานที่เซอร์จิม อาจจะต้องมาตามล้างตามเช็ด อาจแบ่งได้เป็น 4 ส่วน เรียงตามลำดับความสำคัญ ก็คือ ผู้จัดการทีม ผู้บริหารทีม Squad นักเตะ และสิ่งปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก แต่ถ้าหากพูดกันตามความชัดเจนแล้วล่ะก็ แน่นอนเรื่องสิ่งปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เงินในการปรับปรุงส่วนนี้กว่า 300 ล้านเหรียญ ก็มารออยู่แล้ว ส่วนทีมผู้บริหาร ถ้าใครดูถ่ายทอดสดเมื่อวันอาทิตย์ ก็จะเห็นเซอร์ เดฟ เบรลฟอร์ด มานั่งดูเกมกับฟอร์เรสต์ ข้างๆ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันด้วย คนนี้คือผุ้อำนวยการกีฬาของ INEOS ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมากๆ กับทิศทางของสโมสรในอนาคต หลังจากริชาร์ด อาร์โนลด์ CEO ไปแล้ว จอห์น เมอร์เทอห์ ผู้อำนวยการฟุตบอบ กับ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ผู้อำนวยการเทคนิค น่าจะปิ๋วตามกันไปเร็วๆ นี้ ฌอง-โคล้ด บล็องก์ ที่เคยทำงานที่ ยูเว่ กับ เปเอสเช น่าจะได้เข้ามาเป็น CEO คนใหม่ บล็องก์ เคยได้ฝากฝีมือไว้ตอนที่ยูเว่โดนปรับตกชั้น ตอนนั้นเค้าเป็นผู้กอบกู้ยูเว่ ในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ก่อนที่กลุ่ม QSI ของเปเอสเช จะมาดึงตัวไปทำงานที่ปารีส แต่ในส่วนของ ผู้อำนวยการกีฬา ที่จะมีบทบาทสำคัญมากๆ ในตลาดซื้อขายนั้น มีข่าวลือมาว่า แมนยู กำลังติดต่อกับ แดน แอชเวิร์ธ ผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิ่ล อดีตมือขวาของไบรท์ตัน ยุคของแกรม พ๊อตเตอร์ ให้เข้ามากุมบังเหียนในทีมสรรหานักเตะในยุคใหม่ของปีศาจแดง



จารย์รู้ครับว่า นักสา ที่อ่านมาถึงตรงนี้คงหงุดหงิดจารย์ละ ว่า ไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนี้โว้ย ฟันธงมาเลยได้มั้ย ว่า เทน ฮาก จะไปมั้ย ตลาดหน้าหนาวนี้ จะซื้อใคร มีข่าวหรือยัง ก็อย่างที่จารย์เกริ่นไว้แหละครับ สองส่วนที่สำคัญ เกี่ยวกับ ผู้จัดการ กับนักเตะนั้น มันยังไม่แน่ไม่นอน แต่จากผลงานล่าสุดของ เทน ฮาก ที่บุกไปพ่ายเจ้าป่า น้อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ ที่ซิตี้กราวนด์ เมื่อวันสิ้นปีแล้วล่ะก็ จารย์ว่า ไม่น่าพ้นฤดูกาลนี้แน่นอน ตัวเต็งที่จะเข้ามาแทน เด็กผี จะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่ แต่น่าจะเป็น แกรม พอตเตอร์ ที่ทางเซอร์จิม ค่อนข้างจะชอบสไตล์การทำงาน ตามที่มีข่าวหลุดออกมา ส่วนตลาดหน้าหนาวมันค่อนข้างลำบากในการซื้อขาย คนที่สร้างผลงานได้ดี ทีมต้นสังกัด ถ้ายังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ต่างๆ ก็คงไม่อยากปล่อย ถ้าจะปล่อย ส่วนมากไม่แพงระยับ ก็ต้องเป็นพวก สามวันดี สี่วันไข้ซะมากกว่า ประกอบกับกฎไฟแนเชียล แฟร์ เพลย์ ซึ่งกำลังถูกยกมาเป็นเรื่องจริงจัง ก็ค้ำคออยู่ จะจ่ายหนักๆ น่าจะต้องคิดดีๆ ขาเข้าอาจมี แต่จะเป็น Big Deal หรือไม่นั้น สำคัญมากๆ ก็คือ ขาออก ถ้าออกได้เยอะ โอกาสที่จะมี ดีลเด็ด ได้ เพราะขาออกที่แมนยูอยากจะปล่อยนั้น เรียกว่า ต่อคิวเรียงแถว ยาวเหยียดอยู่แล้ว 



เริ่มต้นที่ เดอะ เจ้าปัญหา เจดอน ซานโช่ ถ้ากิตติศัพท์ขนาดนี้ ใครจะมารับเซ้ง ก็ยังเป็นคำถามตัวโตๆ อยู่ แต่ก็มีข่าวว่าอาจจะกลับไปรียูเนี่ยน กับเสือเหลือง ดอร์ทมุนอีกรอบ ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไปกัน เดอะ หมาก อองโธนี่ มักซิยาล ก็น่าจะไปแน่ในซัมเมอร์นี้ เพราะแมนยู เลือกที่จะไม่ต่อสัญญา เดอะหมุน แอนโธนี่ ลูกรัก ก็น่าจะไปตามพ่อเทน ฮาก น่าจะถูกขึ้นบัญชีขาย หลังจากยังออกทะเลหาฟอร์มเก่งตัวเองไม่เจอ ตั้งแต่ย้ายมาจาก อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ท่านเกษมวิโรจน์ คาเซมิโร่ กลางรับ ก็น่าจะถูกปล่อยออกจากทีมเช่นกัน เพราะเคยมีข่าวหลุดมาว่า เซอร์จิม เคยวิพากย์วิจารณ์ ดีล 60 ล้านปอนด์นี้ในการพูดคุยกับฝ่ายบริหารของสโมสรเมื่อต้นซัมเมอร์ที่แล้ว ราฟาเอล วาราน เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ ของท่านเกษม ก็จะต้องโบกมือลาในหน้าร้อนนี้ด้วยเช่นกัน โดยในรายของวารานก็มีข่าวว่าอาจจะไปเกษียณที่ลีคซาอุ คนสุดท้ายที่สัญญาจะหมดลงในเดือนมิถุนายนที่อาจจะโบกมือบ๊าย บายไปก็คือ เดอะท่อนไม้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กองหลังขาวสวีเดน แต่แว่วๆ มาว่าอาจจะมีการใช้ ออพชั่นในการขยายสัญญาต่อไปอีกปีนึง แต่ถ้า เทน ฮาก ไป ก็คิดว่า กุนซือคนใหม่ ไม่น่าจะรั้งไว้แน่ๆ




เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ เคยพูดเอาไว้ว่า เราต้องการเห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในที่ที่เราควรอยู่ นั่นก็คือสูงที่สุดของอังกฤษ ของยุโรป และชองโลกฟุตบอล แต่ยังดูเหมือนสิ่งที่เซอร์จิม หวังไว้ ยังมีอีกหลายด่านที่ต้องฝ่าฟัน จารย์ว่า ดูๆ แล้ว น่าจะเป็นหนังชีวิตที่ต้องคอยติดตามกันยาวๆ เพียงแต่ว่า จะเป็นหนังชีวิตแบบ แอคชั่น ดราม่า เข้มข้น ยิงกันกระจาย ทุนสร้างมหาศาล หรือจะเป็นแบบ ดราม่า ออสการ์ เนิบๆ หักเหลี่ยม เฉือนคม อันนี้ ทั้งจารย์แย้เอง และนักสา UTHAI เอาป๊อปคอร์น มานั่งกินแล้วดูไปด้วยพร้อมๆ กัน นี่แหละครับ ให้มันจบที่รุ่นเรา นี่แหละครับ อย่ารอ 30 ปี เหมือนบางทีมเลย มันทรมานเกินไป


Story by : จารย์แย้ ยูไทย

139 views0 comments

Comments


bottom of page